ศูนย์รวมสถานพยาบาล กับสร้างสุข สุขที่คุณเลือกได้
Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ศัลยกรรมความงามที่ต้องถามใจ


         ความสวยความงามเป็นเรื่องจำเป็นโดยเฉพาะกับเพศหญิง ซึ่งเป็นเพศที่รักสวยรักงามเป็นพิเศษตามธรรมชาติอยู่แล้วแน่นอนว่าหากมีรูปร่างหน้าตาที่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็นได้ ความมั่นใจก็ย่อมเกิดขึ้นและสิ่งที่ตามมาก็ย่อมส่งผลดีไปด้วย อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการเสริมสร้างกำลังใจตามหลักจิตวิทยาทั่วๆไป ความประทับใจครั้งแรกย่อมทำให้ผู้พบเห็นเข้ามาอย่างเป็นมิตร มีความคิดด้านบวกกับเราได้ดีกว่า เรื่องรูปร่างหน้าตาเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการมองหรือตัดสินคนของปุถุชนอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
        ในกรณีที่คนสองคนมีพฤติกรรมในสิ่งเดียวกัน กับคนหนึ่งเราอาจจะพร้อมที่จะตำหนิเขาขณะที่อีกคนเราพร้อมจะให้อภัยในความที่ยังไม่ประสา ปัจจัยเหล่านี้ล้วนถูกแสดงออกมาจากความอดติภายใน ซึ่งเราเองอาจจะไม่มีวันรู้ตัวว่ามีความรู้สึกเหล่านี้เจอปนอยู่มากน้อยเพียงใดจากการรับรู้ทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไม่ว่าจะเป็น หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่สามารถทำให้ปุถุชนคนธรรมดาโน้มเอียงได้

          คนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ และมีสิทธิ์ไม่พออกพอใจกับใบหน้าหรือรูปร่างของตน เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน ก็สามารถที่จะเนรมิตให้ดูดีขึ้นได้จากการทำศัลยกรรมเพื่อเสริมความงาม  ศัลยกรรมเสริมความงามได้กลายเป็นเรื่องปรกติที่ใครๆก็ทำกัน  ยิ่งในประเทศเกาหลีที่ถูกจัดให้เป็นเมืองแห่งศัลยกรรมด้วยแล้ว การทำศัลยกรรมแทบจะกลายเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องกระทำ ความสวยความดูดีสามารถเนรมิตได้ภายในพริบตา ในยุคที่กระแสวัฒนธรรมจากแดนกิมจิไหลบ่าไปทั่วทุกสารทิศโดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียที่พากันเจริญรอยตามประเทศไทยเองก็เช่นกัน ที่กระแสศัลยกรรมมาแรงเอามากๆ ทั้งในกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงและบรรดาหนุ่มสาว ทั้งหลายที่ต่างมีเป้าหมายที่จะทำให้ตัวเองดูดีขึ้น โดยการอาศัยศัลยกรรมเสริมความงาม

          ศัลยกรรมเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในวิชาทางการแพทย์ ไม่ได้ถูกจำกัดความให้อยู่ที่การผ่าตัดเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาให้ดูดีขึ้นมาเท่านั้น  ความหมายของศัลยกรรมจริงๆ คือ การผ่าตัดนั้นเอง แต่เมื่อพูดถึงคำว่า ศัลยกรรม แล้วคำนี้กลับสื่อออกมาในลักษณะของการผ่าตัด เพื่อเสริมความงามมากกว่า ในขณะที่คำว่าผ่าตัดกลับใช้เน้นหนักไปในทางของการรักษา วิชาทางการแพทย์แขนงนี้เน้นไปที่การผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตคน รวมถึงการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายที่กำลังจะพิกลพิการให้กลับใช้งานได้ดีดั่งเดิม

          มนุษย์เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดหรือศัลยกรรมมาก่อนคริสตกาล ในยุคของโรมันมีศัลยแพทย์ชื่อดังอย่าง ออเลียส คอร์เนเลียส เซลซัส ส่วนกรีกก็มีศัลยแพทย์ฝีมือดีอย่าง พอลออฟเอจีนา และเชื่อกันว่า กษัตริย์ของโรมันอย่างจูเลียส ซีซาร์ คือบุคคลแรกที่ประสูติโดยการผ่า จนศัพท์ทางการแพทย์เรียกวิธีการคลอดแบบนี้ว่า Caesarean Section
                         จูเลียส ซีซาร์
    ภาพจาก www.amovingtrain.com

            การผ่าตัดหรือศัลยกรรมในช่วงต้นของความรู้ทางการแพทย์ในแขนงนี้ ประสบกับปัญหาต่างๆมากมายไม่ว่า จะเป็นเรื่องของความเจ็บปวดที่ผู้เข้ารับการรักษาจะได้รับ เพราะยังไม่มีการใช้ยาชาหรือยาสลบก่อนจะลงมือผ่าตัด หรือปัญหาการติดเชื้อที่จะเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัด จนทำให้เกิดเป็นหนองอักเสบ และบางรายอาจจะลุกลามจนถึงขั้นเสียชีวิต เพราะการติดเชื้อไปเลยก็ได้
        แต่ปัญหาต่างๆของการศัลยกรรมได้รับการแก้ไขเรื่อยมาจนปัจจุบัน ศัลยกรรมได้กลายเป็นศาสตร์ที่สำคัญในทางการแพทย์ และมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และรักษาชีวิตของคนไข้ 
          กลวิธีที่ทำให้ผู้ป่วยสลบก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ เซอร์ ฮัมเฟรย์ เดวี (Sir Humphrey Davy) ได้ใช้ ไนทรัสออกไซด์ เพื่อทำให้ผู้ป่วยสลบก่อนเข้ารับการผ่าตัด แต่ในขณะนั้นการทำให้ผู้ป่วยสลบก่อนการผ่าตัด ยังไม่แพร่หลายมากนัก แต่ภายหลังเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพราะสามารถลดอาการเจ็บปวดของผู้รับการผ่าตัดได้ และช่วยให้การผ่าตัดสามารถดำเนินการไปได้ด้วยดี มีการทดลองใช้ยาสลบหลายๆ ขนาน ทั้งการนำอีเทอร์มาทำเป็นยาสลบ การนำเอาคลอโรฟอร์มมาช่วยในการคลอดบุตร เรื่องยาสลบที่ใช้ในการผ่าตัดมีการพัฒนามาเรื่อยจนกระทั่งแยกเป็นสาขาวิญสัญญีแพทย์ที่ว่าด้วการวางยาสลบผู้ป่วยโดยเฉพาะ

          ส่วนปัญหาการติดเชื้อภายหลังการผ่าตัด ก็ถูกแก้ปัญหาลงเช่นกันในครั้งแรกนั้น อิกนาซ ฟิลิปป์ เซมเมลไวสส์ (Ignaz Philipp Semmelweiss) แพทย์ชาวฮังการี เสนอแนะให้ล้างมือและอุปกรณ์ในการผ่าตัดรวม ทั้งการเอาใส่ใจดูแลเรื่องความสะอาดในขณะผ่าตัด ซึ่งช่วยลดอาการติดเชื้อหลังการผ่าตัดลงได้มาก แต่ในขณะนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าต้นเหตุที่แท้จริงของการติดเชื้อมาจากเชื้อจุลินทรีย์ จนกระทั่ง หลุยส์ ปาสเตอร์(Louis Pasteur)สามารถพิสูจน์ได้ในภายหลังว่า แท้ที่จริงแล้วจุลินทรีย์  ทำให้เกิดการอักเสบ การค้นพบของหลุยส์ ปาสเตอร์นี้เองที่ทำให้การแก้ปัญหาเกี่ยวกับการติดเชื้อภายหลังการผ่าตัดลดลงได้อย่างมากในยุคต่อมา


หลุยส์ ปาสเตอร์
ภาพจาก 
https://europeanleaders.wikispaces.com

              สำหรับประเทศไทยการผ่าตัดเกิดขึ้นครั้งแรกในต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อหมอบรัดเลย์ มิชชันนารีชาวอเมริกัน  ได้ผ่าตัดเอาฝีขนาดใหญ่เหนือคิ้วซ้ายของชายชาวพระนครที่มีลักษณะเหมือนก้อนเนื้อขนาดใหญ่ในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2378 โดยการผ่าตัดในครั้งนั้นไม่ได้ใช้ยาสลบแต่อย่างใดแต่การผ่าตัดก็สามารถลุล่วงไปได้ด้วยดี

          ศัลยกรรมตกแต่งซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในขณะนี้ เป็นศาสตร์ย่อยของการศัลยกรรมในความหมายทั่วไปซึ่งสามารถแบ่งศัลยกรรมตกแต่งออกได้เป็นสองลักษณะด้วยกันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการทำศัลยกรรมเป็นหลักใหญ่
1.ศัลยกรรมเสริมสร้าง ( Reconstructive Surgery )
          เป็นการศัลยกรรมเพื่อเป้าหมายในการรักษา ปรับปรุง ส่วนที่ผิดปรกติของร่างกายไม่ว่าจะเป็นเพราะความผิดปรกติที่ติดตัวมาตั้งแต่ครั้งยังถือกำเนิดหรือความผิดปรกติที่เกิดขึ้นในภายหลังทั้งจากอุบัติเหตุและเหตุจำเป็นอย่างอื่น  ศัลยกรรมประเภทนี้มุ่งเน้นไปในทางการรักษา หรือฟื้นฟูส่วนที่ร่างกายเกิดผิดปรกติไป  เช่น การผ่าตัดโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ ที่ผู้ป่วยบางรายเป็นโรคดังกล่าวมาแต่กำเนิด หรือการผ่าตัดอวัยวะที่พิการ อย่างเช่นอาการ ผนังหัวใจรั่ว หัวใจพิการ การตัด หลอดเลือดตีบ เป็นต้น โดยต้องการให้อาการผิดปรกติของอวัยวะในร่างกายกลับใช้งานได้เป็นปรกติอย่างเดิม
2. ศัลยกรรมความงาม ( Aesthetic Surgery )
          ศัลยกรรมประเภทนี้ มีเป้าหมายหลักในการเสริมความงามโดยเฉพาะ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและกลายเป็นกระแสในหมู่คนหนุ่มคนสาวและวัฒนธรรมเกาหลีหลายๆคนเก็บหอมรอมริบเพื่อหวังว่าสักวันจะมีรูปร่างใบหน้าที่สวยงามชวนมอง บางรายตั้งเป้าว่าจะบินไปเปลี่ยนโฉมถึงดินแดนกิมจิอันถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งศัลยกรรม

          ในระยะแรกของการศัลยกรรมความงามในเมืองไทยนั้นเน้นไปที่การแก้ไขเยียวยาความบกพร่องของร่างกายเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ในสังคมอย่างปรกติสุขก่อนที่จะเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่คนกลางคืนและเปลี่ยนไปตามยุคสมัยจนในปัจจุบันค่านิยมในการทำศัลยกรรมเริ่มแพร่หลายในกลุ่มคนทั่วไปทั้งในพนักงานบริษัทและกลุ่มนิสิตนักศึกษา โดยอวัยวะซึ่งเป็นที่นิยมในการทำศัลยกรรมความงามในปัจจุบันนั้น มักเน้นไปที่การ ลบรอยแผลเป็น รักษาผิวจากรอยสิว ทำหน้าใส กรีดตาสองชั้น เสริมจมูก เสริมคาง ตัดกรามทำหน้าเรียว เสริมหน้าอก ฉีดปากอวบอิ่มหรือผ่าตัดปากบาง 

           วิทยาความก้าวหน้าในทางด้านศัลยกรรมเพื่อความงามของไทยนั้น ถือได้ว่าจัดอยู่ในระดับแถวหน้าเลยทีเดียว เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวปรากฏทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่าแท้จริงแล้ววิชาการศัลยกรรมเพื่อความงามของไทยนั้นก้าวหน้ากว่าประเทศเกาหลีมากกว่า 30 ปี จึงไม่น่าแปลกใจที่ในแต่ละปีจะมีชาวต่างชาติมุ่งหน้ามาเมืองไทย โดยมีเป้าหมายหลักในการทำศัลยกรรมความงามด้วยค่าแรงที่ถูกกว่าและฝีมืออยู่ในระดับที่เชื่อถือได้เป็นสองเหตุผลที่ทำให้คนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาทำศัลยกรรมในเมืองไทย เช่นเดียวกับสถานบริการเกี่ยวกับศัลยกรรมในเมืองไทยที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ด

          แต่การเนรมิตความงามด้วยการทำศัลยกรรมนั้น อาจจะไม่ได้ดั่งใจในทุกคนและทุกคราวไป บ่อยครั้งที่เราเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือสื่ออื่นๆ พบว่าหลายรายการทำศัลยกรรมไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นแต่ในทางกลับกันกลับส่งผลเสียต่างๆมากมาย  อาจจะถึงขั้นทำให้เสียโฉมไปเลยก็ ในขณะที่ศัลยแพทย์เองก็ไม่สามารถรับรองได้ร้อยเปอร์เซ็น ในแง่ของความปลอดภัยและผลกระทบที่อาจจะได้รับหลังการทำศัลยกรรมเสริมความงามดังนั้นการจะตัดสินใจทำศัลยกรรมจึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ ก่อนจะมีการตัดสินใจอะไรลงไป ไม่ว่าจะเป็นเพศใดวัยใด




            ยิ่งในหมู่วัยรุ่นที่ต้องการทำศัลยกรรมเพื่อเสริมความงามด้วยแล้วกลับต้องคิดให้หนักกว่าคนในวัยอื่นๆ เพราะตามธรรมชาติของคนในวัยนี้เป็นวัยที่สดใสและสวยงามอยู่แล้ว บางครั้งแม้แต่เครื่องสำอางหากใช้ไม่ถูกไม่ควรก็อาจจะทำให้วัยสดใสกลายเป็นหมองลงไปด้วยซ้ำ มากกว่าที่จะสร้างความสวยงามให้แก่เจ้าของ แต่การใช้เครื่องสำอาง การแต่งหน้าแต่งตา เมื่อสร้างความไม่พอใจก็สามารถลบออกและแต่งใหม่ได้ แต่สำหรับศัลยกรรมแล้วหากตัดสินใจทำลงไปการแก้กลับมาให้คงเดิมนั้นนับเป็นเรื่องที่ยาก และแทบจะเป็นไปไม่ได้ในกรณีที่ทำให้ดีดั่งเดิม 
           ปัญหาที่มีตามมาอีกประการคือการใช้วัสดุที่แปลกปลอมต่อร่างกายนั้นแน่นอนว่ามันให้ความแข็งแรงมากกว่าเนื้อหนังจริงๆ แต่ในระยะยาวแล้วความคงทนของมันก็อาจจะสร้างปัญหาได้ เพราะวัสดุหลายชนิดที่เอามาสร้างมาเสริมเป็นอวัยวะเทียมนั้น มีการย่อยสลายที่ยากกว่าเนื้อหนังของมนุษย์ เมื่อวัยล่วงเลยร่างกายอาจจะเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นตามวันเวลา แต่อวัยวะส่วนที่ผ่านการศัลยกรรมอาจจะดูผิดรูปผิดวัยจนสร้างความขัดหูขัดตาอยู่ได้บ้างเหมือนกัน
          การทำศัลยกรรมอาจจะต้องทำให้ผู้ทำศัลยกรรมต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ชีวิตมากขึ้น หากไม่อยากจะประสบกับปัญหาความไม่ระมัดระวังพออาจจะทำให้อวัยวะส่วนที่ผ่านการศัลยกรรมบิดเบี้ยวผิดรูปไปจากเดิมได้เช่น ปากเบี้ยว จมูกยุบ หรือในบางครั้งจมูกที่เสริมจนโด่งเกินไป อาจทำให้ซิลิโคนดันปลายจมูกจนอาจจะเกิดเป็นบาดแผลและติดเชื้อลุกลามได้
          ดังนั้นการตัดสินใจจะทำศัลยกรรมจึงต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบพอสมควร มีการศึกษาข้อมูลที่ดีแต้องชั่งใจระหว่างความคาดหวังกับผลที่อาจจะตามมา ไม่ผิดที่คนเราจะสร้างความมั่นใจให้ตัวเองโดยการทำศัลยกรรมเสริมความงามแต่ผลที่ได้รับอาจจะไม่ตรงใจนั้นหมายถึงการสูญเสียทั้งเวลาเงินทองและบางครั้งอาจจะต้องอาศัยการเยียวยาเป็นแรมปี การทำนั้นง่ายแต่การแก้ไขให้กลับมาเป็นอย่างเดิมนั้นยากกว่ามากมายหลายเท่านัก


ขอบคุณข้อมูลจาก วิชาการ.คอม




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น